1.การแบ่งสถาปัตยกรรมของฐานข้อมูลออกเป็น 3 ระดับ มีเพื่อวัตถุประสงค์ใดเป็นสำคัญ
ตอบ เพื่อให้เกิดความเป็นอิสระของข้อมูล (Data Independence) คือในการเปลี่ยนแปลงข้อมูลในระดับที่สูงกว่า จะไม่มีผลกระทบการข้อมูลในระดับที่ต่ำกว่า
ตอบ การแบ่งระดับของข้อมูลรวมถึงการเชื่อมโยงของข้อมูล ล้วนแต่เป็นจุดเด่นของฐานข้อมูล ในด้านความเป็นอิสระของข้อมูล ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
1. ความเป็นอิสระของข้อมูลเชิงตรรกะ ( Logical Data Independence )
ความเป็นอิสระของข้อมูลเชิงตรรกะ เป็นความอิสระของข้อมูลในระดับแนวคิด (Conceptual ) กับระดับภายนอก ( External Level ) นั่นเอง หากมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลในระดับแนวคิด จะไม่มีผลต่อเค้าร่างในระดับภายนอก หรือโปรแกรมประยุกต์ใช้งาน หรือจะเป็นการปรับโครงสร้าง
2. ความเป็นอิสระในเชิงกายภาพ ( Physical Data Independence ) ความเป็นอิสระในเชิงกายภาพ เป็นความเป็นอิสระของข้อมูลภายใน ( Internal Level ) กับระดับแนวคิด ( Conceptual Level ) หรือระดับภายนอก ( External Level ) เช่นการเพิ่มประสิทธิภาพการเรียกดูข้อมูลให้เร็วขึ้น โดยการปรับปรุงเค้าร่างภายใน โดยไม่กระทบถึงเค้าร่างแนวคิด หรือเค้าร่างภายนอก
3. ปัญหาที่สำคัญของ Hierarchial Model คืออะไร และเหตุใด Hierarchial Model จึงไม่สามารถลดความซ้ำซ้อนของข้อมูลได้ทั้งหมด
ตอบ มีโอกาสเกิดความซ้ำซ้อนมากที่สุดเมื่อเทียบกับระบบฐานข้อมูลแบบโครงสร้างอื่น
ขาดความสัมพันธ์ระหว่างแฟ้มข้อมูลในรูปเครือข่าย มีความคล่องตัวน้อยกว่าโครงสร้างแบบอื่น ๆ เพราะการเรียกใช้ข้อมูลต้องผ่านทางต้นกำเนิด (root) เสมอ ถ้าต้องการค้นหาข้อมูลซึ่งปรากฏในระดับล่าง ๆ แล้วจะต้องค้นหาทั้งแฟ้ม
4.เหตุใด Network Model ซึ่งสามารถแก้ปัญหาความซ้ำซ้อนของข้อมูลได้จึงไม่เหมาะกับการนำมาใช้งาน
ตอบ 1. ความสัมพันธ์ข้อมูลที่เชื่อมโยงกันไปมาทำให้ยากต่อการใช้งาน
2.ผู้ใช้ต้องเข้าใจโครงสร้างของฐานข้อมูล
3.เหมาะสำหรับโปรแกรมเมอร์ที่คุ้นเคย ไม่เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป
4.มีค่าใช้จ่ายและสิ้นเปลืองพื้นที่ในหน่วยความจำเพราะจะเสียพื้นที่ในอุปกรณ์เก็บข้อมูลสำหรับตัวบ่งชี้มาก
5.โครงสร้างแบบเครือข่ายเป็นโครงสร้างที่ง่ายไม่ซับซ้อนเนื่องจากไม่ต้องอ่านแฟ้มข้อมูลที่เป็นต้นกำเนิดก่อน จึงทำให้ป้องกันความลับของข้อมูลได้ยาก
5.สิ่งที่ทำให้ Relational Model ได้รับความนิยมอย่างมากคืออะไร จงอธิบาย
ตอบ 1.เหมาะกับงานที่เลือกดูข้อมูลแบบมีเงื่อนไขหลายคีย์ฟิลด์ข้อมูล
2.ป้องกัน ข้อมูลถูกทำลายหรือแก้ไขได้ดี เนื่องจากโครงสร้างแบบสัมพันธ์นี้ผู้ใช้จะไม่ทราบว่าการเก็บข้อมูลในฐาน ข้อมูลอย่างแท้จริงเป็นอย่างไร จึงสามารถป้องกันข้อมูลถูกทำลายหรือถูกแก้ไขได้ดี
3.การเลือกดูข้อมูลทำได้ง่าย มีความซับซ้อนของข้อมูลระหว่างแฟ้มต่าง ๆ น้อยมาก อาจมีการฝึกฝนเพียงเล็กน้อยก็สามารถใช้ทำงานได้
4.เมื่อผู้ใช้ต้องการข้อมูลในตารางจะใช้วิธีเปรียบเทียบค่าของข้อมูลแทน โดยไม่ต้องรู้ว่าข้อมูลนั้นเก็บอย่างไร โดยแค่บอกกับ DBMS ว่าต้องการข้อมูลจากตารางใด ที่มีค่าในคอลัมน์ใด เป็นต้น
5.ง่ายในการทำความเข้าใจ
6.ได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน